บทที่2
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการความรู้
ความหมายของการจัดการความรู้
การจัดการความรู้ เป็นกระบวนการที่ช่วยรวบรวม จัดเก็บ
วิเคราะห์และกำหนดประเด็น รวมไปถึง
การเผยแพร่องค์ความรู้ที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการพัฒนา
และความเจริญก้าวหน้าขององค์กร
จุดมุ่งหมายของการจัดการความรู้
เป้าหมายหลักของการจัดการความรู้ คือ
การใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ที่ได้มีการรวบรวม จัดเก็บ วิเคราะห์และกำหนดประเด็น
รวมไปถึงการเผยแพร่องค์ความรู้ เพื่อ
ประสิทธิภาพและความเจริญก้าวหน้าขององค์กร
โดยผ่านการสนับสนุนจากเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
เพื่อใช้เก็บรวบรวมและเผยแพร่ วัตถุประสงค์โดยทั่วไป
ของการจัดการความรู้ มีดังต่อไปนี้

2.
มีการนำเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบ
เช่น การเผยแพร่องค์ความรู้ผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน
การนำระบบอินทราเน็ตมาใช้ในการติดต่อ
และเปลี่ยนองค์ความรู้ภายในและระหว่างหน่วยงาน
3. เพื่อสร้างและพัฒนา ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กร
โดยการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการจัดการความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น
ระบบการดูแลช่วย
เหลือผู้เรียนในสถานศึกษา
ระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน เป็นต้น
แปล
ค้นพบความรู้:
การพัฒนาอย่างชัดเจน หรือโดยปริยายความรู้ใหม่ จากข้อมูล หรือ
จากการสังเคราะห์ความ
*รวมการค้นพบความรู้ใหม่ที่ชัดเจน
ความรู้ที่ชัดเจนหรือใหม่ยิ่งซับซ้อนมีการสร้างรูปแบบหลายองค์ความรู้อย่างชัดเจนผ่านการบูรณาการและการจัดระบบ - การเขียนข้อเสนอ
การค้นพบทางสังคม
*การค้นพบทางสังคมความรู้ใหม่ที่ชัดเจน
การสังเคราะห์โดยปริยายความรู้ข้ามบุคคลผ่านกิจกรรมร่วมกันแทนการเรียนการสอนเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทางวาจา
จับความรู้: กระบวนการในการดึงความรู้ชัดแจ้ง หรือโดยปริยายที่อยู่ในคน วัตถุ หรือหน่วยงานองค์กร

การฝังหรือผนึกความรู้ แปลงความรู้ให้เป็นความรู้ฝังลึก Ex: ที่ปรึกษาด้านซอฟต์แวร์ใหม่อ่านหนังสือบนนวัตกรรม
การพัฒนาซอฟต์แวร์ และเรียนรู้จากมัน
1. การถ่ายทอดที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้เข้าใจได้ดีพอ
ที่จะทำ หรือมีความสามารถที่จะดำเนินการตามนั้น
2. แบ่งปันความรู้แนะนำตามความรู้การใช้ประโยชน์จากความรู้
3. แบ่งปันความรู้ใช้สถานที่ในแต่ละบุคคล
แผนก กลุ่ม องค์กร
- ความรู้ก่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรมากที่สุดเมื่อใช้การตัดสินใจ
และดำเนินงาน
- ทิศทาง: การประมวลผลความรู้ของแต่ละบุคคลโดยตรงการกระทำของผู้อื่นโดยไม่ได้รับการถ่ายโอน
- การปฏิบัติ:
การใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ฝังอยู่ในขั้นตอนกฎระเบียบและแนวทางในพฤติกรรมในอนาคต
ประเภทของความรู้
ความรู้สามารถแบ่งออกได้สองประเภท คือ ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit
Knowledge) และความรู้แฝงเร้นหรือความรู้แบบฝังลึก (Tacit
Knowledge) ความรู้ชัดแจ้งเป็นความรู้ที่ถูกบรรยายออกมาเป็นตัวอักษร
เช่นคู่มือปฏิบัติงาน หนังสือ วารสาร เป็นต้น ส่วนความรู้แฝงเร้นเป็นความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวบุคคล
ส่วนใหญ่ มีลักษณะเป็นความรู้ที่แฝงเร้นเป็นความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวบุคคล ส่วนใหญ่
มีลักษณะเป็นความรู้ที่แฝงเร้นอาจอยู่ในในบุคคลที่ทำงานในองค์กรหรือแผนกต่าง ๆ
ปราชญ์ชาวบ้าน และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในแต่ละด้าน จึงต้องอาศัยกลไกแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ซึ่งก็คือ การจัดการความรู้

2. ความรู้แบบฝังลึก (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายโดยใช้เป็นคำพูดได้
เป็นความรู้ที่มีรากฐานมาจากการกระทำและประสบการณ์ในวิถีการดำรงชีวิต อาจมีลักษณะเป็นความเชื่อ ทักษะเช่น ทักษะในการประกอบอาชีพ
ทักษะในการจักรสาน เป็นต้น
ความรู้แบบฝักลึกต้องการการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญลักษณะเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล เช่น วัฒนธรรมองค์กร ทักษะ ความเชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านในเรื่องต่างๆ
เป็นต้น
ระดับความรู้
ระดับที่ 1 : Know-what (รู้ว่า คืออะไร)
เป็นความรู้ในเชิงการรับรู้
ระดับที่ 2 : Know- how (รู้วิธีการ)
เป็นความสามารถในการนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติ
ระดับที่ 3 : Know – why (รู้เหตุผล)
เป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในเชิงเหตุผลที่ซับซ้อน ซึ่งอยู่ภายใต้เหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง
ๆ ความรู้ในระดับนี้สามารถพัฒนา
ได้บนพื้นฐานของประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหา
ระดับที่ 4 : Care-why (ใส่ใจกับเหตุผล)
เป็นความรู้ในลักษณะการสร้างสรรค์ที่มาจากตัวเอง บุคคลที่มีความรู้ในระดับนี้จะมี
เจตจำนง แรงจูงในและการปรับตัวเพื่อความสำเร็จ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น