ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การเลี้ยงงูคอร์นสเนค




ประวัติงูคอร์นสเนค
              Corn snake  เป็นงูที่ได้รับความนิยม เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ( pet )  นับเป็นอันดับต้น ๆ ของผู้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก  เนื่องจากเป็นงูที่เลี้ยงง่าย การดูแล รักษาง่าย  และใช้เวลาในการดูแลน้อยมาก เมื่อเทียบกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น
                      ที่มาของชื่อ Corn snake ทำไมถึงชื่อว่างูข้าวโพด คนที่ได้ยินชื่อครั้งแรก อาจจะมีคำถามในใจว่า  กินข้าวโพด เป็นอาหารรึเปล่า   จริงๆแล้วที่มาของชื่อ หลากหลายความเชื่อ ตั้งแต่ชอบอาศัยอยู่ในไร่ข้าวโพด  ลายท้องเหมือนฝักข้าวโพด  เป็นต้น  และอีกที่มาหนึ่งเล่ามาว่า
            ในอดีต ผู้คนในแถบนั้น ทวีปอเมริกาเหนือ แถบภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีการปลูกข้าวโพดกันมากมาย และเมื่อเก็บเกี่ยว ก็จะนำมาเก็บไว้ในยุ้งฉางข้าวโพด ( Corn crib ) คล้าย ๆ กับบ้านเราที่สมัยก่อน หลังบ้านจะมียุ้งข้าวไว้สำหรับเก็บข้าว เมื่อมีการนำมาเก็บรวมกันไว้ ก็ย่อมเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของหนูต่าง ๆ  พวกหนูเหล่านี้ ก็ได้ขยายพันธุ์ ออกลูกออกหลานกันอย่างอิ่มหมีพีมัน ในขณะเดียวกัน ธรรมชาติก็ไม่ปล่อยให้เสียสมดุลย์  จึงส่งงูชนิดหนึ่ง ตามมาจัดการพวกหนูเหล่านั้น และนี่คือที่มาของชื่อ Corn snack




ลักษณะเด่นของงูคอร์น

 นิสัยเชื่อง ขี้อาย ชอบซ่อนตัว ไม่ดุร้าย ไม่มีพิษ ตัวลื่น เกล็ดแข็งเรียบ ลวดลายสวยงาม มีสีส้ม หรือเหลืองน้ำตาล เลี้ยงง่ายเมื่อเทียบกับงูชนิดอื่น จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก พฤติกรรมการล่าเหยื่อ งูจะหลบในที่สงบเพื่อดักรอเหยื่อ หรือลงไปใต้ดินเพื่อค้นหาที่อยู่อาศัยของหนู  ดังนั้น  เมื่อนำงูชนิดนี้มาเลี้ยง ควรเลี้ยงในตู้กระจก หรือกล่องพลาสติกที่มีฝาปิด เลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับตัวงู พื้นภายกล่องควรปูรองให้หนาไว้สำหรับขุดโพรง สามารถใช้ทรายแมวชนิดไม้อัด ขี้เลื่อย หรือเปลือกมะพร้าวได้ งูจะได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในธรรมชาติ ที่สำคัญต้องมีบ่อน้ำไว้สำหรับให้งูกินน้ำและแช่น้ำ ภาชนะที่ใช้ควรเป็นดินเผา

Corn snake  มีสีสันสดใสสวยงามมากมาย ไล่ตั้งแต่โทนขาวดุจหิมะ เหลือง ชมพู ส้ม แดง น้ำตาล ม่วง เทา ไปจนถึง ดำดุจถ่านไม้ และยิ่งไปกว่านั้น นอกจากสีที่หลากหลาย งูคอร์น ยังถูกบรรรจงแต้มแต่งด้วยลวดลายที่หลากหลาย วิจิตรพิศดาร เช่น ลายจุด motley  ลายเส้น stripe  ลายซิกแซก  และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงไม่แปลกที่คนทั่วโลกนิยมเลี้ยงงูคอร์นเป็นสัตว์เลี้ยง และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเลี้ยงงูคอร์นกันอย่างกว้างขวาง  ในปัจจุบัน เราสามารถพบเห็นงูคอร์น ได้ทั่วตามร้านขายสัตว์ Exotic ซึ่งนับว่าเป็นสัตว์เลี้ยงพื้นฐานที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับ Exotic lover

                ขนาดตัวของงู เมื่อโตเต็มที่นั้นโดยเฉลี่ยมีตั้งแต่ 120 - 180 เซนติเมตร ส่วนนำหนักประมาณ 400 - 800 กรัม แต่สามารถพบขนาดตัวที่ใหญ่ และน้ำหนักเกิน 1 กิโลกรัม ได้บ้าง แต่นับว่าพบน้อยมาก  อายุเฉลี่ย 8 - 10 ปี แต่ในสภาพที่เลี้ยงสามารถมีอายุได้ถึง 20 กว่าปีเลยทีเดียว
            วงจรชีวิตของงูคอร์น เมื่อนับตั้งแต่เริ่มแรก หลังจากเจาะเปลือกไข่ออกมาสู่โลกภายนอก ลูกงูคอร์นยังไม่กินอาหาร เนื่องจากมีอาหารสะสมมาด้วยในรูปของไข่แดงในท้อง หลังจากนี้ ประมาณ 7 - 12 วัน ลูกงูน้อยก็จะลอกคราบครั้งแรก และพร้อมเข้าสู่ขบวนการกิน หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือน ลูกงูก็จะลอกคราบอีกครั้ง แล้วก็กิน แล้วก็ลอกคราบ  เป็นไปเช่นนี้ จนกระทั่ง อายุได้ 2 - 3 ปีขึ้นไป ลูกงูก็เติบใหญ่พร้อมที่จะขยายเผ่าพันธุ์ต่อไป

ลักษณะนิสัย

        จริง ๆ แล้วงูคอร์นเป็นงูที่มีนิสัยรักสงบมากๆ และตื่นตกใจได้ง่าย แม้ว่ามันจะเป็นผู้ล่าตามธรรมชาติ แต่มันก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกล่าเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนก , งู King , งู Milk , ตะกวด ฯลฯ ต่างก็ล่าเจองูคอร์นด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งงูคอร์นตัวเล็กๆในสภาพธรรมชาติบางครั้งจะโดนหนูตัวใหญ่รุมแทะด้วยซ้ำ งูคอร์นมักจะหลีกเลี่ยงการปะทะแบบซึ่งๆหน้า การเลื้อยก็ไม่รวดเร็วนักถ้าเทียบกับงูชนิดอื่นๆที่มีขนาดเท่าๆกันในธรรมชาติ จัดว่าอยู่ในระดับกลางๆ เมื่องูคอร์นถูกนำมาเลี้ยงก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย เนื่องจากเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงง่ายและไม่จุกจิก อีกทั้งเด็กๆในต่างประเทศยังให้สมญานามไว้ว่า Kind Snake หรือ งูใจดี เพราะมีลักษณะนิสัยที่ค่อนข้างเป็นมิตรมากๆของมันนั่นเองครับ

การสืบพันธุ์        
         ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือน มีนาคม – พฤษภาคม และจะเริ่มวางไข่ในช่วงท้ายของเดือน พฤษภาคม –กรกฎาคม ประมาณ 10 – 30 ฟอง อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ที่ 82 °F เมื่อวางไข่แล้วจะทิ้งไข่ไว้โดยไม่ดูแล หรือเฝ้าเหมือนงูชนิดอื่น ใช้เวลาในการฟัก 60 - 65 วัน ลูกงูแรกเกิดจะมีความยาว 25 – 38 เซนติเมตร โตเต็มที่เมื่ออายุ 18 – 36 เดือน เมื่อครบเวลา ไข่ที่ได้รับการผสม ก็จะปริออก มีร่างรอยคล้าย โดนมีดกรีด   ลูกงูน้อยก็จะค่อยๆโผล่หัวออกมา หัดหายใจ และรอให้สภาพร่างกายพร้อม เต็มที่ สำหรับการออกมาผจญโลกกว้าง 


อาหารของงูคอร์น

         งูคอร์นนั้นทั้งในสภาพธรรมชาติและที่เลี้ยงต่างก็กินหนูไมซ์เป็นอาหารหลักด้วยกันทั้งสิ้น ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงบั้นปลายชีวิต และไม่ต้องกลัวว่ามันจะเบื่อ หนำซ้ำการเปลี่ยนอาหารจะทำให้มีกลิ่นแปลก ๆ บางตัวก็ไม่ยอมกินด้วยซ้ำ
หนูไมซ์เป็นอาหารของงูคอร์นที่มีคุณค่าโภชนาการครบถ้วนตามที่งูสมควรจะได้รับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องใช้อาหารเสริมเลย งูคอร์นจะกินอาหารโดยการกลืนเหยื่อเข้าไปทั้งตัวเหมือนกับงูชนิดอื่น ๆ ในบางตัวสามารถให้กินอาหารชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น หนูแรท ลูกเจี๊ยบแช่ ฯลฯ

เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่มีเมตาบอลิซึ่ม หรือ ระดับการเผาผลาญที่ค่อนข้างต่ำ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่โดยการนอนนิ่ง ๆ ล่าเหยื่อ แล้วก็กิน สุดท้ายก็วนกลับมานอนใหม่ งูจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานมากมาย ส่งผลให้งูไม่จำเป็นที่จะต้องกินทุกวัน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเนี่ยการให้อาหารงูก็จะอยู่ที่ราว ๆ 5 - 7 วันต่อครั้ง หรือพูดง่าย ๆ ว่าเพียงสัปดาห์ละครั้งเท่านั้นเอง

งูในสถานที่เลี้ยงส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงมักจะให้บริโภคเหยื่อแช่แข็งมากกว่าเหยื่อเป็น ๆ เนื่องจากหาง่าย  สะดวก   
ไม่ต้องเสียเวลามาดูแลหนูอีกทั้งยังสามารถเก็บไว้ได้นาน แถมยังทำลายเชื้อโรคบางชนิดจากการแช่แข็งได้ด้วย





โรคติดต่อ

       เจ้างูชนิดนี้มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรคทางเดินอาหารหลายชนิด แถมยังนำเชื้อไปสู่คนได้ เช่น เชื้อบิด เชื้อแบคทีเรีย หรือพยาธิ ดังนั้น พื้นที่ใช้เลี้ยงต้องแยกห่างจากบริเวณปรุงอาหาร หลังสัมผัสงูทุกครั้งควรล้างมือให้สะอาดเพื่อรักษาอนามัยของผู้เลี้ยง

ข้อแนะนำ

1. ควรทำการศึกษาข้อมูลก่อนเลี้ยง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไม่ยากเมื่อเทียบกับงูชนิดอื่น แต่ก็ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แม้จะเป็นงูไม่มีพิษ ทว่าสามารถทำอันตรายต่อเด็ก และบุคคลอื่นได้เช่นกัน

2. เลือกซื้องูคอร์นที่มีการตอบสนองดี สีสันสดใส ลวดลายชัดเจน และควรสังเกตความผิดปกติของตัวงู ว่าไม่มีลักษณะที่ผิดแปลก เช่น ปรสิต บาดแผล ลำตัวตรงไม่คดงอ ดวงตาใส เป็นต้น

3. หากเลี้ยงแล้วเกิดข้อสงสัย หรือพบว่ามีปัญหาในการเลี้ยง ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทที่3 กระบวนการจัดการความรู้

บทที่3 กระบวนการจัดการความรู้ การจัดการความรู้ หรือเคเอ็ม ( KM = Knowledge Management) คือ           การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร   ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้   และ พัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ           1) ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน ( Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูด หรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม         2) ความรู้ที่ชัดแจ้ง ( Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรู...

บทที่ 1 การจัดการความรู้ทางด้านธุรกิจ

การจัดการความรู้ทางด้านธุรกิจ ความรู้ หมายถึง             การประกอบกิจการหรือดำเนินการใดๆความรู้ คือ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สิ่งที่ลงมือกระทำนั้นประสบความสำเร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในบางครั้งความรู้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากเนื่องจากมีนิยามความหมายที่กว้าง หรือไม่สามารถกำหนดขอบเขตและเข้าใจได้ว่าสิ่งใดถือเป็นความรู้หรือเป็นข้อเท็จจริงที่เราควรนำมาปฏิบัติ ความรู้ ( Knowledge) หมายถึง         ความหมายของคำว่า “ความรู้” มีนักวิชาการได้ให้ความหมายหรือคำนิยามในหลายประเด็น ดังนี้               ความรู้ หมายถึง สารสนเทศที่ผ่านกระบวนการคิดเปรียบเทียบ เชื่อมโยงกับความรู้อื่นจนเกิดเป็นความเข้าใจและนำไปใช้ประโยชน์ในการสรุปและตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆโดยไม่กำหนดช่วงเวลา (สํานักงาน ก.พ.ร.และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ,2548; 8)               ความรู้ จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้นิยามความหมายไว้ว่า ความรู้ คือสิ่งที่สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นค...